Glyn T. Davies ในงานเลี้ยงอำลาตำแหน่งเอกอัครราชทูต
เมื่อวานผมและเพื่อนๆได้รับเกียรติเชิญไปงานเลี้ยงอำลาตำแหน่งเอกอัครราชทูต Glyn T. Davies ครับ ความประทับใจอยู่ตอนที่ท่านกล่าวปิดท้ายท่ามกลางผู้สือข่าวภาคภาษาอังกฤษจากสื่อต่างๆ โดยพูดค่อนข้างนาน ทว่าน่าติดตาม และน่าคิดทุกประโยค หลักๆคือท่านอยู่ในยุคที่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงมากจริงๆ จากกรณีเปลี่ยนผ่านรัชกาล ( ร.9 พระราชสมภพที่อเมริกา พระองค์ท่านเป็นผู้นำในการเผยแผ่วัฒนธรรมอเมริกาเช่นความสนใจในเทคโนโลยี, กีฬา และดนตรีแจ๊ส และทรงสานสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างแข็งแรง ) และในฐานะทูตท่านได้รับแรงกดดันจากทุกทางในช่วง 2 ปีนี้
วิธีการอธิบายบรรยากาศแห่งความกดดันเริ่มจากท่านแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้สื่อข่าวก่อน และอ้างถึงวาทะของ Thomas Jefferson ( ปธน.ผู้ร่างคำประกาศอิสรภาพ ว่า Jefferson ให้ความสำคัญกับสื่อมากจนเปรียบเทียบว่ารัฐที่มีสื่อแต่ไม่มีรัฐบาล ยังดีกว่ารัฐที่มีรัฐบาลแต่ไม่มีสื่อ) จากนั้นจึงพูดถึงเสรีภาพสื่อ ที่นักข่าวต้องเผชิญอยู่ขณะนี้ และคาดหวังให้สื่อไทยสามารถนำเสนอได้ทุกเรื่องอย่างแท้จริง ( ท่านเทียบว่าเสนอข่าวเรื่องอื่นเช่นเดียวกับสื่อไทยจะเสนอข่าวท่านทูตอย่างไรก็ได้ ) เฉกเช่นเดียวกับสื่อในที่อื่นๆ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคม
จากนั้นท่านก็มาพูดถึงบรรยากาศแห่งเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนชาวไทย โดยเริ่มจากปรัชญาของความเป็นสหรัฐฯอเมริกาคือ Chance (โอกาส) และ Freedom of expression ดังนั้นการเป็นทูตสหรัฐฯนั้น ให้ความสำคัญและคาดหวังความสัมพันธ์กับประเทศไทยในฐานะ ‘people’ ด้วย ไม่ใช่ state หรือผู้ปกครองเพียงอย่างเดียว ซึ่งเสรีภาพในการแสดงออก ไล่รวมไปถึงการเลือกตั้ง คือภาพสะท้อนของ people ในความหมายของประเทศไทยนั่นเอง
จุดนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าคำว่า people ซึ่งไทยแปลว่า ‘ผู้คน’ นั่นมีความหมายไม่ตรงกันอยู่ครับ เราไม่น่ามีคำที่แสดงความสำคัญของคน นอกเหนือจากคำว่า citizen ( ประชาชน ) อยู่
ปิดท้ายด้วยท่านกล่าวว่ารู้สึกเสียใจที่อยู่ไม่ทันการเลือกตั้งที่จะมีในต้นปี ซึ่งผมและเพื่อนๆก็กระซิบกันว่า ท่านไม่ต้องเสียใจไปหรอกครับ มันไม่เกิดขึ้นง่ายๆแน่ 5555
สำหรับงานเลี้ยง จัดขึ้นง่ายๆในชั้นล่างของบ้านท่านทูตซึ่งผมเองมาที่นี่หลายครั้งแล้ว สำหรับบางท่านอาจไม่รู้จักว่าบ้านท่านทูตสหรัฐฯอยู่ริมถนนวิทยุติดกับคอนโด 98 wireless ตรงข้ามวีรสุ เป็นพื้นที่สีเขียวกว้างขวางสวยงามใจกลางเมือง โดยนโยบายของทูตสหรัฐเองต้องการให้มีคนเข้ามาได้เยอะที่สุด ทำให้มีการพบปะแบบปาร์ตึ้เล็กๆอยู่บ่อยครั้ง การสังสรรค์เป็นแบบสถานทูตจะเชิญคนที่มีฟิลที่น่าสนใจมา connect กัน
