Mercer Survey ได้สำรวจเมืองในประเทศที่มีค่ากินอยู่แพงที่สุดไล่ลงไปจนถึงถูกที่สุดอย่างน่าสนใจเพราะกลายเป็นประเทศในโลกที่สามซะงั้น จึงเห็นได้ว่าดัชนีที่ใช้วัดค่อนข้างมีความสำคัญครับ ผมคิดว่าดัชนี้นี้ค่อนข้างใช้คุณภาพชีวิตของสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก และถ้าเราต้องการอยู่อย่างมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงสหรัฐฯในประเทศโลกที่สาม เราอาจจะมีค่าครองชีพสูงกว่าอเมริกามากๆ
ผมเองเคยไปอินเดียมา พบว่าในอินเดียเราไม่สามารถอยู่แบบค่าครองชีพต่ำได้ อาหารเราก็ไม่สามารถกินข้างถนนได้ ทำให้ใช้เงินเยอะกว่าอยู่ประเทศไทยหลายเท่า เช่นค่าโรงแรมก็ปาไปคืนละ 8000 ได้ห้องไม่ใหญ่มากครับ

เมืองที่ค่าครองชีพสูงสุดในโลก 2012 (Mercer)
อันดับ
1. ลุอันดา ประเทศอังโกล่า
2. โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
3. ยาเมนา ประเทศชาด
4. มอสโก ประเทศรัฐเซีย
5. เจนีวา ประเทศสวิสเซอแลนด์
6. โอซากา ประเทศญี่ปุ่น
7. ซูริก ประเทศสวิสเซอแลนด์
8. สิงคโปร์
9. ฮ่องกง ประเทศจีน
10.เซาเปาโล ประเทศบราซิล

ส่วนประเทศที่ค่าครองชีพน่าสนใจคือ
อันดับ
32. นิวยอร์คซิตี้ สหรัฐฯ
88.กรุงเทพฯ ประเทศไทย (ถือว่าอยู่กลางๆ)
95. มุมไบ ประเทศอินเดีย
96. แคลแกรี ประเทศแคนาดา
กลุ่มค่าครองชีพต่ำที่สุดในโลก
103.อัมมัน ประเทศจอร์แดน
104.กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
108.ชิคาโก และ วอชิงตัน สหรัฐฯ (!!)
114.ออตตาวา ประเทศแคนาดา
131.โยฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้
158.เคปทาวน์ แอฟริกาใต้ (ต่ำสุดเท่าที่สำรวจ)
ตัวอย่างค่าครองชีพเมืองลุอันดา แพงยังไง?
จากการสัมภาษณ์ (แปลโดยสกุลไทยฉบับ 3005) ค่าเช่าบ้านนั้นราคาประมาณ 310,000 บาทต่อเดือน ส่วนค่ารับประทานอาหารแต่ละมื้อตก 750 บาทต่อคน ค่าเช่ารถขับเองตกวันละ 2,790 บาท เนื้อแช่แข็ง กก.ละ 1,395 บาท (มีวิศวกรและครอบครัวนึงไปอยู่ที่นั่นใช้ค่าใช้จ่ายด้วยอาหาร 62,000 บาทต่อเดีอน )
เมืองที่ค่าครองชีพสูงสุดในโลกจากการจัดโดย economist 2009
อันดับค่ายนี้ดูจะเข้ากับสามัญสำนึกของเราครับ http://hubpages.com/hub/Top-10-Most-Expensive
1. โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
2. โอซากา โกเบ ประเทศญี่ปุ่น
3. ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
4. โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
5. ออสโล ประเทศนอร์เวย์
6. ซูริค ประเทศสวิสเซอแลนด์
7. เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
8. แฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมัน
9. เจนิวา ประเทศสวิสเซอแลนด์
10. สิงคโปร์
โฆษณา
วงดนตรี งานแต่งงาน