เรื่องนี้น่าสนใจ ยังไม่เก่าไปที่จะโน้ตไว้ครับ
Permission Marketing ที่แสนจะ Intrusive โดย @malimali
และ blog ที่ @malimali รวบรวมที่เกียวข้องมา
@markpeak กึ่งพูดกึ่งวิจารณ์ #wyne
บล็อกของ MKTTwit.com Hash Tag Sweepstakes การล่ารางวัลกันบน Twitter

นึกถึงสมัยก่อน เราไม่เชื่อโฆษณาสินค้า แต่เชื่อ viral ต่อมาเราเริ่มไม่เชื่อ Viral มาเชื่อแต่คนรักหรือคนสนิทที่กรอง Viral มาให้แล้ว และก็ถึงวันที่คนรักเริ่มขาย MLM กับเรา เราจะรู้สึกอย่างไรนะ ?
ดังนั้นผมคิดว่าเราต้องบริหารช่องทางการรับรู้ด้วยตนเองด้วยครับ
Social Media ทำให้ทุกคนมีเสียงและอุปโลกน์กันได้หมดนะครับ ,เรามีหมอความอุปโลกน์,หมอและนักชิม,นักกิจกรรม, ตากล้อง, นักทดสอบรถ ฯลฯ อุปโลกน์ใน pantip แม้ในกระแสหลักเราก็มีนักวิชาการอุปโลกน์ในทีวีหลายช่อง?
หลายๆครั้งคนเชิญผมไปบรรยายก็ยังรู้สึกว่าบางเรื่องเราก็อุปโลกน์เหมือนกัน เลยพลอยทำให้เข้าใจสังคมไทยไปด้วยว่ามันเป็นสังคมสมมติกันหมดจริงๆ แต่ปรัชญาการตลาดนั้นสร้างขึ้นจากความอุปโลกน์อยู่ก่อนแล้วค่อย สะสมประสบการณ์จริง ผมเลยคิดว่าเมื่อมันเข้ามาใกล้ตัวเองมากหลายคนไม่ชินกับแบบนั้นจึงเกิดความขัดแย้งในใจบ้าง
บางคนก็คงต้องเลือกระหว่างการต่อสู้เพื่อความถูกต้องที่เป็นสิทธิของคนทั่วไป กับการกระโดดลงสู่สังคมจอมปลอมแต่ทำเงินและอำนาจได้จริงๆเพื่อเลี้ยงชีพหรือเลี้ยงอื่นๆ ดังนั้นการตลาดต่อไปต้องเป็นศิลปะแห่งความ Balance (ซึ่งก็ผ่านการวางแผนมาแล้วเช่นกัน)
ผมเองไม่ชอบสังคมแบบนี้ แต่กลัวว่าต้องกระโดดเข้าไปเช่นกันในบางเรื่องครับ
เช่นอยู่มาวันหนึ่งระหว่างกิน MK กับเพื่อนๆมีพนักงานเดินมาบอกว่า ให้ทั้งกลุ่มทวีต ภาพในหม้อสุกี้แลกกับลูกชิ้น MK อีก 3 ถาด จะทำดีมั้ยเพราะปกติก็ทำอยู่แล้ว 😛
ก่อนหน้านี้บางคนทำสำเร็จ เรารู้ตัวหรือไม่
เมื่อหลายปีก่อน มี fwd mail ที่อ่านสนุกจำนวนมากทั้งจริงและไม่จริงเกี่ยวกับอดีตนายกฯทักษิณ และการหาจุดร่วมของความเคลื่อนไหวและความหมั่นใส้เพื่อทำแคมเปญจนทำให้คนใกล้ตัวของเราหลายคนรู้สึกว่าการเมืองเป็นเรื่องของความชั่วช้า-เลวทราม มากกว่าความเหมาะสม มือหนึ่งของ Social Media ยุคแรกในไทยคงไม่มีใครเกิน manager ครับ 🙂 หลายๆคนได้เสพข่าวสารที่เยอะเกินขนาดเพื่อรักษาสถานะจุดยืนตนเองกันอย่างไม่รำคาญกันเลย ข่าวต่างๆส่งผลยิงตรงมาพิมพ์แนวคิดสู่สมองของเราผ่านการเออออของคนรอบข้างได้ยิ่งกว่าโฆษณาในสมัยไหนๆ
กระแสต้าน อาจเกิดเมื่อกระแสนั้นสัมผัสกับ Mass
บางครั้งกระแสต้านก็เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จได้พอสมควรครับ เพราะเมื่อเราสามารถทำการตลาดจนเลยจุดความต้องการของผู้เสพไปแสดงว่ากระแสได้ผ่านไปอย่างมโหฬาร บางครั้งการตลาดยุคใหม่ก็ต้องการการถกเถียงเพื่อสร้างกระแสเช่นกัน เทียบง่ายๆคือถ้าผมเขียนบล็อกไหนแล้วเกิดดราม่าขึ้นคนจะเข้าบล็อกน้ันของผมมากและผมจะได้ประโยชน์เช่นกัน นักการตลาดอาจวิเคราะห์เปอเซ็นต์คนต้านเทียบกันก็ได้
สรุปแล้วเราไม่ชอบอะไรกันแน่ ลองดูตัวเองกันครับ
– เราไม่ชอบเห็นอะไรเยอะๆทีเราไม่สนใจ
– เราไม่ชอบเห็นอะไรเยอะๆ แม้ว่าเราจะสนใจ
– เราไม่ชอบเห็นอะไรเยอะๆทั้งที่มันไม่ได้เป็นอย่างงั้นจริงๆ หรือเกินจริง
– เราไม่ชอบเห็นอะไรที่เราควบคุมการเห็นของมันไม่ได้
– เราไม่ชอบเห็นใครถูกชื่นชมหรือพูดถึงมากเกินไป หรืออิจฉา ?
– เราไม่ชอบเห็นใครถูกพูดถึงเยอะโดยไม่ผ่านอิทธิพลจากเรา
– เราไม่ชอบความไม่พอดี ถ้า balance จะดีกว่านี้
– เราไม่ชอบการวางแผน แม้ว่าจะวางโฆษณาได้ Balance เนียนและไม่รบกวนเรา
– เราไม่ชอบ Marketing และ anti-marketing เป็นทุนเดิม
ส่วนตัวของผมก็คือ ผมไม่ชอบอะไรที่ควบคุมด้วยตัวผมไม่ได้ครับ แต่ผมก็มีทักษะในการควบคุมมันอยู่ระดับหนึ่งเช่นกัน ส่วนสิ่งที่อยากจะให้ twitter มีในฟังก์ชั่นต่อไปคือการบริหาร feed ลักษณะ”ชั่วคราว”ครับ เช่นการไม่อยากเห็น tag หรือ trend นี้ชั่วคราว หรือไม่อยากตามคนนี้ชั่วคราว เป็นต้น
แนะนำบล็อกที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง
blog buzzcanuck น่าสนใจเกี่ยวกับ word of mouth
blog ของ David Armano คนนี้มีชื่อเสียงทีเดียว