กรณี Macbook Air 11″ หายในโรงแรม Centara Grand

Macbook Air 11 serial C02DM5SWDDQX หายไป

บังเอิญ #iHear ได้ไปเล่นดนตรีในงานของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ที่โรงแรม Centara Grand (CTW) มาครับ และผมเองเจอ Jackpot วางกระเป๋าโน้ตบุ๊คไว้หลังเวทีซึ่งเป็นที่ๆมีทีมของเวทีอยู่เต็มไปหมด เมื่องานเลิกขณะกำลังช่วยกันขนของของนักดนตรี (ซึ่งมีอุปกรณ์เยอะมาก) ในช่วงนี้เป้ซึ่งใส่ Macbook Air 11” ของผมได้หายไปซะแล้ว

เนื่องจากห้องได้ปิดไฟมืดและผมดูครั้งสุดท้ายที่เวทีแล้วไม่มีและได้โทรหาน้องตี๋ซึ่งเป็นน้องที่ช่วยยกของในวงก็ไม่เห็นเป้ตั้งแต่ตอนยกแล้ว จึงได้ขับรถออกมาเพราะมีธุระต้องไปอัดเพลงให้ Jetset’er ต่อ ผมจึงโทรบอกโรงแรม Centara ไว้ว่าให้พนักงานที่เก็บได้ช่วยแจ้งหน่อย แต่พอตื่นมาตอนเช้าก็พบกับความผิดหวังเพราะพนักงานโทรมาบอกว่าไม่เจอ +_+ ต่อมาคุณมนต์ชัยซึ่งเป็น Assistance Security Manager ก็โทรมาช่วยเหลืออย่างดีด้วยการเช็คทั้ง Banquet, Lost & Found, Counter ให้หมด และพบว่าไม่เจอ คุณมนต์ชัยบอกว่าโดยปกติพนักงานโรงแรมจะถูกตรวจในช่วงเลิกงานทุกคน ดังนั้นปัญหาอาจไม่ได้มาจากพนักงาน และคุณมนต์ชัยบอกว่าคนที่เอาไปคงไม่ได้ตั้งใจจะนำมาคืน

ระหว่างนี้ก็มีหลายคนโทรมาให้กำลังใจครับ ทั้ง @chavarong @mrnaling และเพื่อนๆ รวมทั้ง @inattt ก็มีการติดต่อกับ Organizer ผู้จัดงานให้ด้วย

โดยปกติ เมื่อซื้อ Product ของ Apple แล้วให้ไป Register Serial ไว้ที่ เว็บ Apple ก่อนได้ครับ และถ้าเกิดเครื่องคอมพิวเตอร์หาย ให้นำใบแจ้งความไปแจ้งที่ศูนย์แม็คใหญ่ๆ และอาจลงประกาศ Serial Number ไว้ตามเว็บบอร์ดผู้ใช้แม็คได้ครับ ถ้าเกิดมีคนนำเครื่องแม็คเครื่องนั้นไปเข้าศูนย์ ศูนย์จะโทรหาให้เราไปดูเครื่องทันที และผู้ซื้อ Mac มือสองก็อย่าลืม Search Serial Number ใน google กันก่อนนะครับ และอาจลงโปรแกรมค้นหา Mac หายในเครื่องของท่านไว้ก่อนตั้งแต่แกะกล่อง

รู้อย่างนี้แล้วอย่าขโมย Mac เลยนะครับ 😉

ทุกคนสรุปว่าต้องดูที่ CCTV เนื่องจากผู้ที่เอาไป ไม่ได้ต้องการส่งคืนแน่

เมื่อทุกคนบอกให้ผมดู CCTV คุณมนต์ชัยได้แจ้งว่า ตามระเบียบการดู CCTV ต้องไปแจ้งความก่อน เช่นเดียวกับการแจ้งข้อมูลเครืองหายเข้า database ของศูนย์แม็คอินทอชทั่วไปก็ต้องการใบแจ้งความเช่นกัน ผมจึงไปแจ้งความที่ สน ปทุมวัน ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุม Centralworld ( ตำรวจยังถามว่าดู CCTV รึยัง +_+ นี่มันที่พึ่งสุดท้ายของมนุษยชาติจริงๆ )

สำหรับจากแจ้งให้ยึดเครื่องหากมีคนนำ Mac มาซ่อม ต้องไปแจ้ง Serial Number ที่ศูนย์ Mac ให้ครอบคลุมทุกเจ้าของศูนย์ ( เช่น SPV, Copperwire, Com7 ฯลฯ ดูที่ iStudio.in.th ) เพราะ database ในการรับเครื่องเข้าซ่อมเป็นคนละตัวกัน และเนื่องจากพอมีคนรู้จักที่ Apple Thailand เนื่องจากผมเคยไปเทรนให้พนักงาน Apple อยู่บ่อยๆ เลยไปฝากความให้ช่วยกระจายไปศูนย์ต่างๆนิดนึงครับ (ขอบคุณมา ณ ที่นี้)

การดู CCTV ไม่ง่ายอย่างที่คิด

กล้องมีหลายตำแหน่ง ต้องตั้งสมมติฐานเพื่อดูแต่ละตำแหน่ง หากดูทั้งหมดจะมั่ว
กล้องมีหลายตำแหน่ง ต้องตั้งสมมติฐานเพื่อดูแต่ละตำแหน่ง หากดูทั้งหมดจะมั่ว

CCTV ของ Centara มีหลายตัวโดยครอบคลุมบริเวณทางเข้าออก และในลิฟต์ การดูค่อนข้างดูยากเล็กน้อยโดยเราต้องกำหนด สโคปเวลาที่น่าจะถูกขโมยเสียก่อนแล้วจึงค่อยๆดู ( ลองนึกถึงว่าถ้ามี CCTV 10 ตัว และลิฟต์ 8 ตัว ถ้าต้องดูในช่วงเกิดเหตุ 3 ชั่วโมงทุกตัวคงเป็นลมก่อน ) จากนั้นต้องคิดบวกมั่นใจว่าจะเจอเพราะไม่งั้นจะมึนหัวง่วงและไม่มีสมาธิไปเสียก่อน

เจ้าหน้าที่กำลังเซ็ทการดู CCTV และแบ่ง TL ตาม request เพื่อให้ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น CCTV จะเก็บข้อมูลไว้ 30 วันเท่านั้น
เจ้าหน้าที่กำลังเซ็ทการดู CCTV และแบ่ง TL ตาม request เพื่อให้ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น CCTV จะเก็บข้อมูลไว้ 30 วันเท่านั้น
CCTV ที่อยู่ในลิฟต์ จะ close up นิ่งและสว่างทำให้ดูง่ายสุด แต่ลิฟต์มีหลายตัว จึงต้องลิงก์เวลากับ CCTV หน้าลิฟต์ก่อน
CCTV ที่อยู่ในลิฟต์ จะ close up นิ่งและสว่างทำให้ดูง่ายสุด แต่ลิฟต์มีหลายตัว จึงต้องลิงก์เวลากับ CCTV หน้าลิฟต์ก่อน

สำหรับหน้างาน CCTV ของ Centara Grand เป็นแบบส่ายไปมาให้ครอบคลุมบริเวณ 180 องศา ทำให้การดูถึงขั้นเวียนหัวคลื่นใส้ได้เลยทีเดียว และเนื่องจากเพดานสูง ทำให้มองหน้าคนไม่ค่อยชัด ดูแล้วเป้แต่ละคนเป็นสีดำๆตุ่นๆไปหมด แถมยังระบุทีมไม่ได้ เช่น สมมติว่าเราเห็นคนถือเป้ของเราจริงๆ ถ้าเค้าเดินมาคนเดียว เราก็จะไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร และต้องตามที่ไหนอยู่ดีเพราะแขกในงานมีหลายร้อยคนและแต่ละคนแต่งตัวใส่สูทเหมือนกันหมด แต่ถ้าเดินเป็นกลุ่ม ยังพอจะ iDentify ได้ว่ากลุ่มไหน เช่นกลุ่มตากล้อง หรือกลุ่มผู้สื่อข่าวซึ่งเราสามารถให้คนในกลุ่มมายืนยันตัวตนอีกทีได้

เมื่อพบสิ่งน่าสงสัยใน CCTV จะมาลิสต์เวลาเพื่อนที่จะหากล้องตัวต่อไปที่ลิงก์เหตการณ์ดังรูป จะเห็นว่ามีจุดที่น่าสงสัยอยู่นับ 10 จุดและผมใช้เวลานานมากจนกระทั่งลิงก์มาเจอคลิปดังกล่าว
เมื่อพบสิ่งน่าสงสัยใน CCTV จะมาลิสต์เวลาเพื่อนที่จะหากล้องตัวต่อไปที่ลิงก์เหตการณ์ดังรูป จะเห็นว่ามีจุดที่น่าสงสัยอยู่นับ 10 จุดและผมใช้เวลานานมากจนกระทั่งลิงก์มาเจอคลิปดังกล่าว
หลังจากสรุป Timeline จากกล้องหมายเลขต่างๆได้แล้ว เจ้าหน้าที่จะช่วยดึงคลิปตามเวลาที่ request ออกมาให้
หลังจากสรุป Timeline จากกล้องหมายเลขต่างๆได้แล้ว เจ้าหน้าที่จะช่วยดึงคลิปตามเวลาที่ request ออกมาให้

แต่เนื่องจากผมเองมั่นใจว่าคนเอาไปต้องเป็นทีมคนทำเวทีแน่นอน เพราะเป็นกลุ่มที่รู้ว่าเป้ดังกล่าวเป็นเป้ของผมและผมเล่นดนตรีอยู่ ( คนทั่วไปที่มาเจอสิ่งของวางในครั้งแรก จะไม่ค่อยกล้าเอาไปเนื่องจากไม่แน่ใจว่ามีเจ้าของจับจ้องอยู่บริเวณนั้นหรือไม่ ) จึงสามารถสโคปไปที่กล้องในส่วนของหน้าลิฟส่งของ ซึ่งโชคดีที่มีฟังก์ชั่นดับอัตโนมัติเวลาภาพๆนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวอีกด้วย จึงประหยัดเวลาในการ Scan CCTV จากการสแกนดูกล้องตัวดังกล่าวตั้งแต่เวลา 21:00 ก็ไปพบว่าคนที่ถือเป้ของผมเดินออกมานั้น มาในเวลา 23:50 น.เลยทีเดียว แถมเดินเร็ว ถ้าสแกนช็อตนั้นพลาดเลยไปก็จะไม่พบเป้แน่นอนครับ

สิ่งนี้ทำให้เห็นความสำคัญของการใช้สิ่งของที่มีสีเด่นๆ สดๆ เพราะ CCTV ส่วนใหญ่จะตั้งให้มีขนาดไฟล์ไม่กินพื้นที่ HDD มากเกินไป (ต้องเก็บวีดีโอไว้เป็นเดือน) ทำให้ภาพไม่ละเอียดและสีตุ่นๆ ผมเองใช้เป้สีเทาและมีขอบสีชมพู-ม่วง ยังพอสังเกตได้บ้างครับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีผู้น่าสงสัยที่ถือเป้มาถึง 7 รายแต่เป็นสีออกดำๆทั้งหมด

Macbook เป็น โน้ตบุคที่ identify ง่ายใน CCTV เพราะแวววาวและมีจุดสว่างตรา Apple ด้านหลัง
Macbook เป็น โน้ตบุคที่ identify ง่ายใน CCTV เพราะแวววาวและมีจุดสว่างตรา Apple ด้านหลัง

พอชายกางเกงขอสั้นคนนี้เดินออกมา เราก็ mapping เวลา กับ CCTV ในจุดอื่นเช่นในลิฟต์ซึ่งจะ close up ได้ชัดเจนกว่า และเมื่อตามออกมาจนถึงจุดโหลดของด้านล่างก็ Bingo ทันทีว่าเป็นทีม Stage แน่นอนเพราะเค้ายังมาช่วยเพื่อนขนของขึ้นรถต่อ ( แถมเพื่อนยังรู้เห็นและควัก MBA ออกมาเล่นอีก ) ดังนั้นจึงสามารถขอไฟล์คลิปทั้งหมดมาทำการตัดต่อตามเวลา และสามารถ identify ติดต่อไปทางทีมงานผู้รับผิดชอบได้ครับ 🙂

ผมขอขอบคุณฝ่าย Security โรงแรม Centara Grand ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับที่เป็นกำลังใจให้ 😀

update วันที่ 9 มีค เวลา 15:00 น. ได้เครื่องคืนแล้วครับ

เจ้าของบริษัทออกาไนเซอร์เป็นคนนำมาคืนเองครับ และผมได้รับค่ารถ+เสียเวลาอีก 3000 บาทจากออกาไนเซอร์ ขอขอบคุณครับและผมจะนำไปทำบุญต่อไป 🙂

ได้ Macbook Air คืนแล้ว ภาพโดย @muenue
ได้ Macbook Air คืนแล้ว ภาพโดย @muenue

มีคนนำไปโพสที่ Pantown ดูเหมือนความผิดจะย้อนกลับมาที่ผมเอง

เมื่อคลิปแพร่ออกไป เมื่อคืนนี้มีคนโทรมาหาผมถึง 4 คน โดยทุกคนพยายามบอกว่าตนไม่ผิดและไม่เจตนาขโมยครับ ความจริงถ้าทุกคนจริงใจและเห็นใจในการช่วยผมตั้งแต่วันแรกคงจะดี 🙂 ผมเองไม่ได้ติดใจเอาเรื่อง ( ถึงแม้ว่าออกาไนเซอร์จะบอกว่าเขาจะเอาผิดทางอาญากับ Supplier ก็ตาม )

http://www.pantown.com/board.php?id=4818

ในกระทู้ข้างบน คนที่โพสกำลังอธิบายว่า เหตผลที่คนทั้งหมดพยายามบอกผมคือทุกคนไม่ได้ตั้งใจขโมย แต่เก็บได้และรอเจ้าของ… ( แต่ไม่ยอมคืนยามที่โรงแรมเพราะ “ไม่ไว้ใจโรงแรม” ) และจริงๆเจตนาดี และยังเห็นว่าผมควรจะออกมาขอโทษด้วย…

คำถามย้อนกลับมาที่คุณ ” ถ้าคุณเก็บของได้ในสถานที่แห่งหนึ่ง ปกติคุณจะทำอย่างไรหรือครับ ? ”

อย่างไรขอขอบคุณทุกคนครับที่ให้กำลังใจ ผมเองจะระวังกว่านี้ด้วยครับ

Update 10 มีค

มีเจ้าหน้าที่หลายคนมากที่โทรมาหาผมโดยให้เหตผลว่า คนที่เอาไปไม่ได้ตั้งใจขโมย แต่ได้ทำการเก็บไว้และไม่ได้ฝากไว้กับยามที่โรงแรมเนื่องจากเป็นข้อกำหนดของออกาไนเซอร์ว่า ” ถ้าพบสิ่งของให้เก็บมาส่งที่ออกาไนเซอร์ ” และน้องคนที่หยิบของไปไม่ได้ตั้งใจขโมย แต่ได้นำเป้ของผมไปฝากไว้กับ เจ้าของบริษัทเครื่องเสียง และสาเหตที่บริษัทเครื่องเสียงแจ้งผมช้าเป็นเพราะว่า ” บริษัทบังเอิญมีงานต่างจังหวัดพอดี ทำให้ไม่ได้ติดต่อหาคนคืน “

ดังนั้นหากเป็นด้วย สาเหตของการตั้งใจดี และส่งของให้คืนล่าช้าจริงๆ ผมก็ไม่ติดใจอะไรและต้องขอโทษทางผู้ที่เก็บของที่ผมจำเป็นต้องรีบประกาศว่าโน้ตบุคถูกขโมยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

ข้อเสนอแนะต่อทางออกาไนเซอร์

  1. เนื่องจากบุคคลธรรมดาทั่วไปจะไม่ทราบโครงสร้างของงานแน่นอนว่ามีทีมไหนทำอะไรบ้าง และน่าจะไม่ทราบว่าจะติดต่อออกาไนเซอร์หรือผู้เกี่ยวข้องได้อย่างไร ดังนั้นควรยกเลิกกฏที่ว่า หากพบของให้นำคืนออกาไนเซอร์ และควรนำส่งที่ๆแรกที่คนจะต้องติดต่อ นั่นคือเคาเตอร์หรือ Lost and found ของโรงแรม
  2. ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ควรปล่อยเวลาให้เนิ่นนานเนื่องจากผู้ที่ของหายร้อนใจมากในทุกๆนาที (อาจถึงขั้นนอนไม่หลับถ้ามีงานสำคัญต้องส่ง) ยิ่งเวลาผ่านไปนาน โอกาสได้คืนยิ่งลดลงเพราะมีความเป็นไปได้ที่คนเอาไปจะนำไปขาย ดังนั้้นทุกฝ่ายควรรีบแสดงความจริงใจด้วยการตรวจสอบฝ่ายที่รับผิดชอบของตัวเองและแจ้งความคืบหน้าเป็นส่วนๆก่อนจะแนะนำให้ผู้เสียหายต้องไปแจ้งความและไปหาหลักฐานที่ CCTV เพราะความพยายามในการช่วยเหลือหลังจากพบหลักฐานนั้นอาจพูดได้ยากว่าเรามีความจริงใจในการช่วยเหลือจริงๆครับ

สรุป Timeline

  • วันเสาร์ที่ 5 มีค : ผมกลับมาที่เวทีพบว่าเป้ไม่อยู่ จึงได้แจ้งทางโรงแรมให้ค้นหา
  • วันอาทิตย์ที่ 6 มีค : เช้า Assistance Security ของ Centara ได้โทรแจ้งว่าเช็คทุกฝ่ายแล้วไม่พบของ บ่าย ผมประกาศใน twitter ว่าโน้ตบุ๊คหาย เย็น คุณนัทคุยกับเจ้าของออกาไนเซอร์ และเจ้าของบอกว่าจะช่วยหาและอาจจะเข้ามาช่วยดู CCTV ด้วย
  • วันจันทร์ที่ 7 มีค : ผมแจ้งความและแจ้ง Mac หายที่ Apple Thailand และเข้าไปดู CCTV ตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงหนึ่งทุ่ม ได้คลิปมาเรียบร้อย และกลับมาเขียนบล็อก publish ประมาณเที่ยงคืนและส่งให้เจ้าของออกาไนเซอร์
  • วันอังคารที่ 8 มีค : กลางดึกมีหลายฝ่ายโทรมาหาผม ส่วนใหญ่จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะเอากระเป๋าไป
  • วันพุธที่ 9 มีค : เจ้าของบริษัทออกาไนเซอร์นำกระเป๋ามาคืนที่ Starbucks ตรงข้าม ธ. กรุงไทย