เคยได้ RT จาก @mokin27 มานานมากแล้ว เรือง Design as a Differentiator เพิ่งได้มาเขียนครับ โลกของ Social Media นั้นกำลังหมุนคุณค่าต่างๆไปเรื่อยๆทำให้เราต้องปรับตัวไปเรื่อยๆเช่นกันในการทำธุรกิจครับ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การลงทุนทำ Marketing หรือการตลาด กับการลงทุนออกแบบสินค้าให้โดนและผู้บริโภคใช้แล้วประทับใจนั้นสามารถทดแทนกันได้อย่างดีในยุคนี้แล้ว และแนวโน้มคุณค่าผมเองคิดว่าจะชิฟท์ไปทางการลงทุนกับผลิตภัณฑ์ด้วยมากขึ้นเรื่อยๆครับ ส่วน Marketing นั้นอาจจะต้องค่อยๆปรับเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบของ User Experience Marketing ด้วยเช่นกันเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพูดถึงแบบปากต่อปากซึ่งรวดเร็วมากใน Twitter และ facebook

จากภาพคือสินค้าประเภทเดียวกันที่ไม่ได้โฟกัสเรื่องดีไซน์และ User Experience ทำให้ต้องทำ Marketing อย่างหนักเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันกับสินค้าตัวอื่นๆ

สินค้าที่ focus เรื่อง Design และ User Experience เป็นอย่างดีนั้นจะช่วยให้การลงทุนในด้าน Marketing ต่ำลง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Apple ในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้โฆษณา TV หรือลง Ads อะไรมากมายเลย ( หรือคุณเคยเห็นโฆษณา iPhone ? แต่ Apple ก็ไปทุ่มเงินกับเว็บมากกว่า ) และร้านอาหารดังๆทางอินเตอร์เน็ทต่างๆที่เราเห็นกันอยู่ทั่วๆไป นอกจากนั้น สินค้าที่ Niche เฉพาะด้านจริงๆนั้นก็มีโอกาศเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเดิมมาก
ในยุคที่ผ่านมา เรื่องการบอกเล่าปากต่อปากนั้นอาจจะช้าเกินไปและสู้ Expose ของ TV ไม่ได้ แต่เมื่อถึงยุคของ Social Media แล้ว อะไรๆก็เกิดขึ้นได้จริงๆครับ ยกตัวอย่างเช่นถ้าเราลองถามเรื่องราวบางเรื่องใน twitter ว่า น้ำยาล้างจานใช้ยี่ห้อไหน หรือไปกินข้าวร้านไหน หรือซื้อแอร์ยี่ห้อไหนรับรองว่าจะได้คำตอบจากผู้ที่ได้รับ User Experience ที่ดี อาจเกิดประเด็นการคุยที่น่าสนใจและสามารถสรุปสิ่งที่เราจะไปซื้อได้ภายในเวลาไม่นานครับ
สิ่งสำคัญต่อมาที่ Designer จะต้องพัฒนาตัวเองนั่นก็คือการออกแบบสินค้าในเชิง Marketing ให้มากขึ้นและต้องเริ่มทำความเข้าใจลูกค้าและ User Experience ให้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยากที่ตามมาก็คือการปรับสมดุลระหว่าง “ความติสต์” หรือการใช้อารมณ์ตนเองเป็นศูนย์กลาง กับ “ความพยายามในการเข้าใจผู้อื่น” นั่นเองครับ 🙂
โพสที่น่าสนใจ
Social Media คืออะไร ?