กรณีศึกษาร่วมทำโปรเจ็ค Social Network ระดับโลกชื่อ Wellnet ปีที่ทำโปรเจ็คนั้นเริ่มพร้อมๆกับทีม Facebook
โพสนี้ @imenn ช่วยเรียบเรียงและหาข้อมูลเก่าๆให้ทั้งหมดครับ 🙂
[media id=1 width=480 height=380]
พรีเซนต์ที่ให้ผู้บริหารบริษัทต่างๆ ดู เพื่อให้พนักงานเข้าร่วมโครงการนี้
ส่ิงที่น่าสนใจของโปรเจ็ค
- เราทำกับทีมผู้ประกอบการจาก MBA Stanford ซึ่งมีน้องนก รุ่นน้องวิศวะจุฬาฯที่สนิทกัน ไปเรียน Stanford ในช่วงปี 2004-2005 แล้วก็ร่วมกลุ่มกับเพื่อน Professor หลายชาติทำบริษัทใน Silicon Valley โดยขอทุนจากทั้ง Angel และ Venture Capital
- ทีมนื้เร่ิมจากงานวิจัยที่ตั้งใจจะสร้าง Personalized Medicine/ Personalized Recommendation โดยการ Scan DNA และเก็บสถิติของบุคคลจำนวนมาก ( ซึ่งต่อมามีหนังสือกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของการรู้ DNA ที่ดังมาก คือ As the Future Catches You )
- ดังนั้น สิ่งที่เค้ากำลังจะทำก็คือ Social Network ของกลุ่มคนด้านสุขภาพนั่นเอง ทั้งหมอ, นักโภชนาการ, สปา, อาหารเสริม, ฟิตเนส, พนักงานบริษัท ฯลฯ (ในสมัยนั้น ยังไม่มีคำว่า Web 2.0, Social Network และ Facebook ยังไม่เกิด เลยเรียกสิ่งที่ทำนี้ว่า Health Ecosystem หรือระบบนิเวศน์ด้านสุขภาพ) ตอนนั้นทีมเราเห็นว่าแนวคิดมันสุดยอดมากๆ
- ทึีม Wellnet นี้ จ้างทาง TiGER iDEA ทำเกี่ยวกับกราฟฟิคดีไซน์ทั้งหมด โดยทำสัญญากัน 1 ปี ราคา $100,000 (ประมาณ 4 ล้านกว่าบาท ) โดยเราต้องเตรียมทีม Standby ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อให้เค้าแก้ข้อมูลต่างๆ ได้ ตัั้งแต่เรื่องเล็กน้อยอย่างนามบัตร จนถึงตัดต่อวีดีโอสำหรับลูกค้าแต่ละรายที่เค้าไป Present จนถึงช่วยเค้าแก้ระบบ AJAX ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหม่มากในสมัยนั้น ( แน่นอนว่า งาน System ทั้งหมด คุณจ๋ง @warong เป็นคนดูแลร่วมกับเหล่าเทพอภิมหา Geek จากอินเดียนั่นเอง ซึ่งคุณจ๋งบอกว่าได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะเลยจากเทพอินเดียเหล่านั้น )
- มีเรื่องน่าขำและขมขื่นคือ ตอนทำสัญญานั้น ค่าเงินบาทอยู่ที่ 40-42 แต่พอทำงานไปเมื่อเร่ิมจ่ายเงิน ค่าเงินกลับลดลงมาอยู่ช่วง 34-36 บาท ค่าเงินเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่รายได้เราหายไป 4 แสน!!
- Interface และธีมนี้ ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ที่อเมริกา ยึดสไตล์ retro/oldies ที่ฮิตในช่วงนั้น โดยกะให้เป็นเว็บอินเตอร์เฟสที่เหนือที่สุดในโลกสามารถลากนู่ลากนี่วืบๆได้ เพราะ Gmail ที่เพิ่งเปิดตัวนั้น ก็ยังไม่มีลูกเล่นอะไร เว็บ Flash กำลังจะถึงทางตัน และ AJAX กำลังจะครองโลก …?ซึ่งในที่สุดแนวคิดนี้ก็ล้มเหลว อินเตอร์เน็ทตอนนั้นยังไม่เร็วพอสำหรับ AJAX ที่ดึงรูปมหาศาลขนาดนี้ และโลกยังเต็มไปด้วย IE6!! ที่สร้างบั๊กแปลกประหลาดได้ตลอดเวลา
- ตอนนั้นผมเองยังไมไ่ด้มาทำ sound ให้ 😛
ประสบการณ์ที่ได้รับจากโปรเจ็ค
- ก่อนหน้าการดีลกับ Wellnet ไทเกอร์มีคนอยู่ไม่ถึง 10 คน แต่พอเริ่มทำสัญญา เราเห็นว่ามีออร์เดอร์ใหญ่ ทำให้เราต้องรีบขยายทีมเป็นยี่สิบกว่าคน เมื่อผนวกกับมีโปรเจ็คทำค่ายเพลงอินดี้ในตอนนั้น ( มี Happyddogs ด้วยยย ) ทำให้ระบบการจัดการของบริษัทมั่วมาก ขยายเร็วเกินกว่าจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้ทัน (เคยอ่านสัมภาษณ์ผู้บริหาร MKสุกี้ เค้าบอกว่าจะไม่ให้มีร้านสุกี้สาขาไหนรับคนเข้าใหม่ในครั้งเดียวเกิน 30% เพราะจะทำให้วัฒนธรรมองค์กรเสีย)
- การบริหารงานคนยี่สิบกว่าคนเป็นเร่ืองใหม่มากสำหรับเราแม้ว่าจะดูเท่ที่บริษัทใหญ่โต ต้นทุนของการบริหารเพิ่มขึ้นแบบ exponential มีการเมืองภายในมากมาย นอกจากนี้ในยี่สิบคนเรายังจ้างพนักงานจบใหม่แต่เก่งภาษาอังกฤษระดับสุดยอดให้อยู่กะกลางคืนเพื่อติดต่อสื่อสารกับทีม Silicon Valley และให้เงินเดือนเริ่มต้น 25,000 ซึ่งทำให้พนักงานเก่าเริ่มตะหงิดๆอยู่บ้าง
- นอกจากการบริหารที่ยากแล้ว เมื่อช่วงใกล้หมดสัญญา ยิ่งเป็นเรื่องยากกว่าเดิม เพราะเรามีค่าใช้จ่ายเฉพาะเงินเดือนอยู่เดือนละครึ่งล้าน เราต้องหาออร์เดอร์จำนวนมากโดยเป็นออร์เดอร์ที่ไม่ใช่ลูกค้าเจ้าใหญ่แบบเดิม นั่นคือองค์กรของเราไม่เหมาะซะแล้วกับโมเดล business ที่กำลังจะต้องเผชิญโดยสิ้นเชิง ! หลังจากนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านอันยากลำบากของพวกเราจริงๆ (ในการดีลครั้งแรกเราเห็นว่าโปรเจ็คนี้มีอนาคตดีน่าจะได้ทำยาวก็เลยตัดสินใจจ้างพนักงาน In-house ทั้งหมด )
- บริษัทลูกค้าเป็นบริษัทตั้งใหม่ ทำให้ requirement ไม่แน่นอน เปลี่ยนตลอดเวลา ทั้งนโยบาย ทั้งขอบเขตงาน ทั้งคนทำ อันนี้เป็นบทเรียนของเราเลยว่าการทำงานกับบริษัทเกิดใหม่ๆนั้นไม่ win-win แน่นอน คือไม่เค้าเจ๊งเพราะจ่ายให้เราเยอะไป ก็เป็นเราเจ๊งเพราะเค้าแก้ไม่จบสิ้น
- เราได้กฎของการทำธุรกิจมาว่า “การเริ่มทำอะไรครั้งแรกนั้น จะใช้ Resource เยอะเกินไปเสมอ”
- ทุกคนเห็นแต่เว็บประสบความสำเร็จแล้วก็แห่กันมาทำธุรกิจในอินเตอร์เน็ท เว็บนี้เกิดพร้อม Facebook, ประกอบด้วยทีมงานระดับโลกยิ่งกว่า Facebook แต่มันก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ( ปัจจุบันเว็บนี้เปลี่ยนไปชื่อ wellsphere.com มีคนเข้าร่วมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้โด่งดังนักครับ ดีไซน์ก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว )
ตัวอย่างการเสนอราคา
เราได้ประมาณเดือนละ 3 แสนบาทเป็นเวลาหนึ่งปีครับ
SERVICE RATE FOR WELLSPHERE PROJECT
Service | Price |
Art Director | $150 (Manday) |
Co-ordinator | $80 (Manday) |
Designer | $80 (Manday) |
Photostock / VDO stock (ex. www.istockphoto.com) | Price as appear from source. (normally $8-$12 per photo) |
Quotation For W301 Business Card (7 Pages)
Total = $80
Task | Unit | Price ($) | Summary ($) |
Design | 1 | 80 | 80 |
Total | 80
|
Quotation For W303 Brochure (2 revision)
Total = $530
Task | Unit | Price ($) | Summary ($) |
Art Direction (first draft only) | 1 | 150 | 150 |
Coordinate (first & second draft) | 2 | 80 | 160 |
Design (first & second draft) | 2 | 80 | 160 |
Photo Stock | 6 | 12 | 72 |
Total | 542 |
ภาพเหตุการณ์ต่างๆและ artwork





คาร์แร็คเตอร์ต่างๆ ทำโดย น้องปูน





หลังจากนั้นทีมงานที่เปลี่ยนชื่อไปเป็น wellsphere.com ก็เปลี่ยนทีมดีไซน์ไปและสามารถ raise fund ระดมทุนได้อีกมหาศาลเกือบห้าสิบล้านบาทช่วงปี 2006 เพื่อมาทำโปรเจ็คนี้จนถึงปัจจุบัน ส่วน TiGERiDEA ก็ปรับองค์กรกันอย่างจ้าละหวั่นและผ่านเข้าสู่ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ถ้าผมให้เดาก็คือทุนจำนวนมากน่าจะจมไปกับ Project นี้มหาศาลแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเว็บนี้ปัจจุบันก็มีคนเข้าพอสมควรเลยนะครับ ตีราคาด้วย webvaluer.org ได้ $1.72 Million !

ถ้าเทียบระหว่างโปรเจ็ค Wellnet กับ facebook ในตอนเริ่มต้นจะเห็นว่า wellnet มีความลึกซึ้งมากกว่า ( อาจมากเกินไป เพื่อพยายามพรีเซ้นท์หาเงินทุน ) ในขณะที่ facebook เป็นเพียงเว็บรุ่นเท่านั้น ที่สำคัญโปรเจ็คแบบนี้มีเยอะแยะมากครับในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาทำให้เราเข้าใจได้เลยว่า Google, Facebook, Twitter นั้นไม่ธรรมดาเลยที่ผ่านทุกอย่างจนขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งได้ สิ่งแวดล้อม วิสัยทัศน์ในโลกที่แปรผันตลอดเวลาช่วงเป็นเรื่องที่อยู่เหนือจินตนาการของพวกเราจริงๆครับ
แต่อย่างน้อยพวกเราก็ภูมิใจว่าเราเคยพยายามจะร่วมกันพลิกโลกกันมาแล้วครั้งหนึ่ง ^^