Gartner : 10 เทคโนโลยีโดดเด่นปี 2010

Gartner, Inc. ได้วิเคราะห์ Trend ของเทคโนโลยีในปีนี้และประกาศเทคโนโลยีที่จะเป็นกลยุทธสำหรับองค์กรต่างๆในปี 2010 ผลการวิเคราะห์นี้ถูกพรีเซ้นท์ในงาน Gartner Symposium/ITxpo, ที่จะถูกจัดใน วันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา เทคโนโลยีที่ถูกพูดถึงจะเป็นตัวสำคัญที่จะมีผลต่อองค์กรต่างๆในระยะ 3 ปีต่อไปนี้ โดยองค์กรควรทำแผนระยะยาวสำหรับดำเนินการในบางเทคโนโลยีที่พิจารณาแล้วว่ามีผลกระทบ สาเหตุที่ต้องทำเพราะเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นที่นิยมหรืออาจจะได้ประโยชน์จากการเริ่มใช้ก่อน

The top 10 strategic technologies สำหรับปี 2010

1. Cloud Computing.

Cloud computing คือโมเดลที่ผู้ให้บริการ IT หลากหลายรูปแบบสามารถกำหนดวิธีการบริการสู่ลูกค้า ผู้ให้บริการจะทำ Cloud Computing ให้บริการกับลูกค้า (ผู้ประกอบการหรือผู้ให้บริการ ทำกับธุรกิจที่เป็นลูกค้า เป็น B2B) ได้มากขึ้น อ้างอิงข้อมูลจาก telecomjournal Cloud Computing เป็นการให้บริการโดยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับอินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้ เพื่อที่ส่งมอบการให้บริการให้กับลูกค้าได้เร็วที่สุด โดยผู้ให้บริการจะเตรียมระบบเครือข่ายของการให้บริการไว้สำหรับลูกค้าภายนอกโดยที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงระบบของผู้ให้บริการได้โดยผ่านอุปกรณ์ไอทีและการสื่อสารต่างๆ เช่น ไอโฟน (iPhone) PSP, BlackBerry หรือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์ (Device) ใดๆ ก็ได้ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตได้ ก็สามารถใช้บริการนั้นได้

Cloud-based services สามารถที่จะประยุกต์ได้หลายทางที่จะใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาตัว application และ Solution แต่การใช้ cloud resources ไม่ได้ช่วยลดต้นทุนของ IT Solution แต่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริการต่างๆและลดการใช้บริการในส่วนอื่น ในทางเดียวกัน การใช้ cloud services enterprises จะมีหน้าที่มากขึ้นเหมือนกับ cloud providers และส่งต่อ application, information หรือ business process services ไปที่ลูกค้าหรือ Business Partner ของเรา

2. Advanced Analytics.

การพิจารณาจุด Optimization และการจำลองเหตุการณ์ (simulation) จะสามารถใช้เครื่องมีอวิเคราะห์และโมเดลที่จะ Maximize Business Process และสามารถที่จะตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยพิจารณาจากผลที่ได้จากทางเลือกต่างๆภายใต้สภาพแวดล้อมแบบต่างๆได้ ทั้งก่อนเริ่มทำ ระหว่างทำ และหลังจากจบการ implementation การพิจาณาทั้งสามขั้นนี้สามารถที่จะ Support การตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างดี
การกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ และการเตรียมนโยบายสามารถที่จะได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ Real time ไม่ว่าจะทำผ่าน customer relationship management (CRM) หรือ enterprise resource planning (ERP) หรือ application อื่นๆ วิธีใหม่ๆนี้จะให้ทั้งการจำลอง การทำนาย การหาจุด optimization และรูปแบบผลการวิเคราะห์ที่ออกมาไม่ได้ให้เพียงแค่ให้ information แต่ทำให้การตัดสินใจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในทุกกิจกรรมทางธุรกิจ เพราะสามารถมองไปในอนาคตได้ในทุกขั้นตอนที่ทำ

3. Client Computing.

Virtualization ในช่วงที่ผ่านมาเป็นหนทางใหม่ของการจัดชุดสำเร็จรูปการให้บริการทางคอมพิวเตอร์ (packaging client computing applications and capabilities) ผลจากเรื่องดังกล่าวทำให้ PC hardware platform และ OS platform, มีความสำคัญลดลง องค์กรจึงควรที่จะกระตือรือล้นในการสร้าง RoadMap ระยะ 5-8 ปีของ client computing ( Client คือ ระบบที่สามารถ access service จากศูนย์กลางได้ ) หาอุปกรณ์ที่เป็นมาตรฐาน , ownership และ support; ระบบปฎิบัติการและทางเลือกของ Selection , การอัพเดท การบริหาร และแผนพัฒนา

4. IT for Green

IT สามารถนำไปใช้โยงกับเรื่องสิ่งแวดล้อมได้หลากหลายอยู่แล้ว ยิ่งใช้ IT มากองค์กรจะยิ่งมีความรู้สึกของการรักษาสภาพแวดล้อมมากขึ้น ตัวอย่างการใช้ทั่วไปเช่น e-documents ช่วยลดกระดาษ การทำงานและประมวลผลระยะไกลช่วยลดการเดินทางจากการทำงานระยะไกล นอกจากนี้ยังสามารถใช้ ในการสร้างเครื่องมือวิเคราะห์วิธีที่องค์กรจะใช้พลังงานให้ต่ำสุดได้ เช่นกรณีของ การขนส่ง หรือ กิจกรรมการบริหารลด carbon

5. Reshaping the Data Center

ในอดีต วิธีออกแบบ Data Center นั้นธรรมดามาก คือดูว่าเรามีอะไรอยู่และประมาณการการเติบโตไปอีก 15 ถึง 20 ปี จากนั้นจึงสร้างขึ้นมา การสร้าง data centers ใหม่มักจะใช้พื้นที่เปิดสีขาวใหญ่มากทั้งฟลอร์ ให้พลังงานเต็มที่พร้อม UPS อย่างดี ระบายความร้อนด้วยอากาศหรือน้ำ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนจริงๆจะต่ำลงถ้าองค์กรประยุกต์ใช้ Data Center แบบ pod-based ทั้งในส่วนของโครงสร้างและ วิธีการต่อขยาย เช่นถ้าตลอดอายุของ data center ต้องใช้พื้นที่ 9,000 ตารางฟุต ก็สามารถสร้าง site มา support เพื่อการนี้ได้ แต่ให้สร้างในสเป็คที่ต้องการสำหรับภายใน 5-7 ปีเท่านั้น ทำให้ลดต้นทุนได้ ,และใช้ส่วนที่เหลือสำหรับ Client และลงทุนในส่วนอื่น

6. Social Computing

Social Computing (หรือ การประมวลผลทางคอมพิวเตอร์โดยใช้พฤติกรรมต่างๆของสังคมออนไลน์) การพัฒนาทาง Social Computing จะมีปัญหาเล็กน้อยเพราะคนทำงานไม่ต้องการการ Support งานที่มีสภาพแวดล้อมแตกต่างกันสองที่ หนึ่งคืองานปกติของพวกเขา (ไม่ว่าเป็นงานเดี่ยวหรือกลุ่ม) ? และงานที่สองคือการเข้าถึงข้อมูลภายนอก (accessing ?external? information) แต่อย่างไรก็ตามองค์กรจะต้องโฟกัสที่งานทั้งคู่เพื่อที่จะใช้ Social Software และ Social Media เพื่อที่จะประกอบและสื่อสารกับผู้สนับสนุนภายนอกรวมทั้ง public community อย่าลืมต้องสร้าง Social Profile เพื่อที่จะดึง Community มารวมกัน

7. Security ? Activity Monitoring

โดยทั่วไป Security จะมุ่งไปที่การหา parameter ในการยอมให้สิ่งหนึ่งเข้า และไม่ยอมให้อีกสิ่งหนึ่งเข้ามา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่คือการ พิจารณา activities และแยก pattern ที่เคยผิดพลาดหรือหลุดมาแล้วในอดีต มืออาชีพด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้พบกับความท้าทายในการตรวจจับกิจกรรมที่อยู่ในกระแสข้อมูลที่สม่ำเสมอโดยอาจมาจากผู้ใช้ที่ได้รับการรับรองแล้วและสร้างขึ้นผ่านมาจาก Network หลายที่หลายระบบ ในขณะเดียวกับ แผนก Security ก็พบกับ log analysis ที่ใหญ่ขึ้นมาก และยังมีงานที่ต้องรายงานตามข้อกำหนดของ support audit สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเทคโนโลยีครบชุดหลายตัวที่มารวมกัน ทั้งตัวที่สามารถ monitoring และเครื่องมือวิเคราะห์จะช่วยให้องค์กรสามารถที่จะตรวจจับและวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เสี่ยงได้ดีขึ้นมาก ?บางครั้งมาพร้อมกับระบบการแจ้งเตือน Real time หรือตัด transaction องค์กรจะใช้เครื่องมือได้ดีและผ่านการ audit ได้ง่ายขึ้นเมื่อเข้าใจจุดอ่อนจุดแข็งของมัน

8. Flash Memory

หน่วยความจำแบบ Flash ไม่ใช่ของใหม่ แต่มันได้พัฒนาจนเป็นทางเลือกใหม่ของการบันทึกข้อมูลไปแล้ว ตัวจุข้อมูลคือ semiconductor memory device,ที่เราคุ้นเคยกับ USB memory sticks และการ์ดในกล้องดิจิตอล ในขณะนี้มันส่งผ่านข้อมูลได้เร็วกว่าอุปกรณ์บันทึกข้อมูลแบบหมุนไปแล้ว แต่ก็มีราคาสูงกว่า แต่เมื่อผ่านช่วง Technology Curve ของราคาที่สูงไปแล้ว การเติบโตแน่นอนว่าจะมากระดับ 100% ต่อปีในช่วงต่อจากนี้ไม่นาน และจะกลายเป็นมาตรฐานสร้างความได้เปรียบของผู้ผลิต Consumer Device ที่พัฒนาก่อน นอกจากนั้นยังส่งผลต่ออุปกรณ์ด้าน entertainment และ embedded IT system อื่นๆ สำหรับองค์กรในระยะไม่กี่ปีจะได้เห็นการจัดระเบียบ Server และ Client แบบใหม่โดยจะได้รับความได้เปรียบด้านการใช้พื้นที่ ความร้อน ประสิทธิภาพและ ความทนทาน

9. Virtualization for Availability

Virtualization ถือเป็น top strategic technologies มาสองสามปีและปีนี้ก็ยังติดอันดับอยู่เพราะมีการเกิดขึ้นของหน่วยย่อยหลายตัวเช่น live migration ซึ่งคือการทำงานของ virtual machine (VM) ในขณะที่ระบบปฎิบัติการและ Software อื่นยังคงทำงานเป็นปกติตราบเท่าที่ยังเหลือความเป็น physical server อยู่ โดยเกิดจากการใช้ physical memory ระหว่าง source กับ destination VMs เช่น ณ ขณะเวลาหนึ่งมี การ execution บน source machine เรียบร้อยแล้วและ instruction ถัดไปก็เริ่มต้นที่ destination machine เมื่อเกิดเหตุการณ์ในกรณีที่ Source VM เกิด fail ก็สามารถส่งต่อให้ Destination VM ได้ และถ้า fail ทั้งคู่ก็สามารถเลือก VM เพื่อมาเริ่มต้น sessionใหม่ได้ จุดที่มีผลต่อหัวข้อนี้คือเราสามารถเลือก high-reliability hardware ที่ราคาสูงกับ software ที่ fail ง่ายหรือแม้แต่ใช้ hardware ที่ผิดพลาดได้บ้างมาใช้ได้ และยังให้ผลที่เชื่อถือได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการลดต้นทุน และลดความซับซ้อนอย่างแท้จริง

10. Mobile Applications

ภายในสิ้นปี 2010 คนจำนวน 1.2 พันล้านคนจะมีอุปกรณ์มือถือที่มีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ Mobile ที่เข้มข้นและเว็บไซต์ที่ตอบสนองการใช้งานดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ในขณะนี้มี applications จำนวนมากใน platforms เช่น Apple iPhone ทั้งๆที่การทำการตลาดลักษณะจำกัดและยังต้องการการเขียน code เฉพาะทาง อาจจะมีอะไรที่ใหม่ที่สร้างมายืดหยุ่นกว่าในการทำงานทั้งแบบเต็มที่ (full PC) หรือแบบเล็กๆ แต่ถ้าระบบปฎิบัติการและสภาปัตยกรรมของตัวประมวลผลไปในทิศทางเดียวเมื่อไหร่ จะทำให้เกิด facter ของการเปลี่ยนผ่านครั้งมโหฬารขึ้นมาทันที

list เทคโนโลยีที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นจุดเริ่มต้นที่บริษัทต่างๆควรเลือกเพื่อที่จะปรับเข้ากับอุตสาหกรรมที่ทำการอยู่ ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างแต่ก็ควรปรับองค์กรให้อยู่ในโหมดหร้อมปรับตัว และเมื่อทราบแล้วว่าต้องปรับตัวตามเทคโนโลยีใดก็ให้พิจารณาวิธีการว่าจะทดลองใช้ก่อนหรือจะวางแผนปรับปรุงแบบ Aggressive