หรืออ่านข้าม เยี่ยมชม intel boardcast studios ตอนที่ 2
intel เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ผลิตชิพโปรเซสเซอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก แต่เดิมชื่อของ intel เป็นที่รู้จักแค่เพียงในกลุ่มผู้ที่สนใจในเทคโนโลยีเท่านั้น จนกระทั่งมี campaign “intel inside” ออกมา และประสบความสำเร็จมากในระดับโลก (1990) จนถึงในช่วงปีนี้ intel ต้องการมีภาพลักษณ์ที่เข้าถึง Live Style มากกว่าเดิม ทำให้แผนการตลาดเน้นไปถึงผลงานในเชิง Creative ที่จับต้องได้มากขึ้น นั่นคือ intel inside bring creativity outside (ประโยคนี้ intel ไม่ได้ให้มาแบบเป็นทางการ ผมเรียบเรียงเองครับ)
Intel inside bring the creativity outside
ในความคิดของผมนั้นการจับตลาด Live style นั้นจะมีแนวคิดเชิง Marketing ที่คิดเป็นไปตามลำดับขั้นตอนอยู่ นั่นคือหาตัวแทนของสถานที่หรือบุคคลที่เหมาะสมกับทิศทางทางการตลาด และสนับสนุนสิ่งนั้นพร้อมทั้งหาวิธีที่จะทำงานด้วยกัน
ทำไมต้องเป็น The Sydney Opera House
การทำการตลาดนั้นต้องมีตัวแทนของแบรนด์ที่จับต้องได้ บางคนใช้บุคคลหรือสถานที่ และเมื่อเราหลับตาถึงสถานที่ที่โด่งดัง เป็นแลนด์มาร์กของการแสดงต่างๆทั่วโลก มีรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นระดับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในสมัยใหม่ คงยากที่จะนึกถึงอะไรนอกจาก Sydney Opera house ไปได้ ( ถ้าจะนึกถึง Hall หรือ Arena ที่ดังๆตามประเทศต่างๆ ก็คงมีรูปร่างคล้ายๆกัน นึกไม่ออกถึงภาพรวมว่ามัน Simplify รูปร่างแล้วจะเป็นอย่างไร ) และ The Opera House ถ้าดูประวัติการก่อสร้างก็พบว่ามีความมหัศจรรย์อยู่อย่างมากจริงๆครับ และเป็น UNESCO World Heritage Site ด้วยเช่นกัน (ใช้เวลาก่อสร้างนานมาก, งบประมาณสูงมาก, สถาปนิกมีความเด็ดขาดมาก, มีการต่อสู้ดรามาร่วมด้วย, ความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมที่ต้องใช้สถาปัตยกรรมมานำ) ส่วนความมหัศจรรย์ในสายตาผมคือ มันเป็นการนำศาสตร์ (อคูสติก ซึ่งเป็นเรื่องซับซ้อนมาก) และศิลป (การออกแบบเพื่อความเป็นเยี่ยมทางสถาปัตยกรรม) มารวมกัน ซึ่งก็ค่อนข้างยาก
แต่อย่างไรก็ตามมีบทความที่ดีเบตเรื่องนี้ไว้เหมือนกันครับว่า อคูสติกที่นี่มีปัญหาต้องแก้ไขพอควร
รายละเอียดทริป Intel ไป Sydney เพื่อเยี่ยมชม THe Opera house
Intel ได้ส่งเมล์เชิญมาที่ผมโดยให้เหตผลว่า ผมเป็น blogger สาย live style ที่ไม่ใช่แนว IT จ๋า ซึ่งดูจากรายละเอียดงานแล้วพบว่าน่าสนใจมากครับ เพราะผมเองสนใจทั้งเทคโนโลยี และเป็นนักดนตรีอาชีพที่สนใจระบบ sound production ต่างๆด้วยเช่นกัน และมีกำหนดการเดินทาง 12- 15 ตค (และผมขออยู่ต่อถึงวันที่ 18 ตค) จึงตอบตกลงหลังไปดูตารางเวลาและยกงานให้เพื่อนในวง iHear ไปหนึ่งงาน
สำหรับการเดินทางไป Sydney ผมถือโอกาสรีวิว Royal Silk Class ของการบินไทยไว้ด้วยที่นี่ครับ
เมื่อเดินทางไปถึงสนามบิน Kingsford Smith ทาง intel ก็จัด limousine มารับ มุ่งหน้าไปยังโรงแรม Marriott Sydney Harbour Circular Quay
พักผ่อนตามอัธยาศัย แล้วช่วงเย็นทาง intel ก็พาไปดินเนอร์ครับ วันนี้อากาศครึ้มๆฝนตกช่วงกลางวัน ตอนเย็นเลยเย็นสบาย
เขาบอกว่าร้าน Morrison นี้เป็น Oyster Bar ที่มีชื่อเสียงเลยทีเดียว
สำหรับนักข่าวที่ทาง intel เชิญมา จะเป็นนักข่าวแถบเอเชีย ประกอบด้วยอินเดีย ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ไต้หวัน สังเกตว่าคนไต้หวันชอบถ่ายรูปก่อนกินเหมือนคนไทยเลยครับ
พอดินเนอร์จบ ทาง intel ก็พาเดินเล่นชมเมืองครับ
บรรยากาศยามค่ำคืนของ Sydney บริเวณท่าเรือใหญ่ Circular Quay
ปรากฏว่าผับใต้ดินชื่อ “The Basement” เป็นผับที่มีชื่อเสียงมากครับ วันแรกที่ไปเป็นวง bigband ขนาด 17 คนเลยทีเดียว
วันต่อมา เดินไป SydNey Opera House
แผนผังของ Opera House
หลังคาที่เห็นเป็นโครงสร้างคอนกรีตในตัวจริงๆ และบุด้วยวัสดุที่เปลี่ยนสีไปตามสภาพแวดล้อม
แค่ทางเข้าด้านล่างที่มีที่จอดรถก็ทึ่งกับคานที่ยาวมากและเนียบเหลือเชื่อ คานนอกจากยาวแล้วยังเปลี่ยนเชพไปด้วยเวลาใกล้ปลายๆ
โครงสร้างภายในที่สวยงาม และมันก็คือโครงสร้างที่เห็นภายนอกด้วยเช่นกัน
ห้องพักส่วนกลางที่สามารถ access hall ต่างๆได้ทั่ว house ส่วนใหญ่ศิลปินหรือนักแสดงจะมาแฮ้งค์เอ้าท์กันที่นี่
ห้องแต่งตัว
ถ้าเป็นศิลปินดังก็จะมีห้องส่วนตัวด้วยฮะ บางทีก็เป็นวิวทะเลไว้สงบสติอารมณ์
บริฟผู้สื่อข่าว Do & Don’t
backstage