การทำธุรกิจรับทำเว็บที่ใช้เวิร์ดเพรส Web Design Business with WordPress

การทำธุรกิจรับทำเว็บที่ใช้เวิร์ดเพรส

ก่อนจะอ่านบล็อกนี้ลองที่ เวิร์ดเพรสไม่ได้ใช้แค่ทำ Blog นะสาดดด
เนื่องจาก WordPress เป็น CMS ที่มีการเปิดให้คนเข้ามาสร้างบล็อกได้ฟรี ในทัศนคติคนจำนวนมากเมื่ิอเปรียบเทียบกับ Joomla! Drupal จึงรู้สึกเหมือนกับ WordPress เป็นเรื่องของคนทำบล็อกเท่านั้น ( แถมบางคนยังบรัฟระบบที่ตัวเองไม่ได้ทำกันเวลาไปหาลูกค้า 😛 ) แต่ความจริงแล้ว WordPress ได้ช่วยในเรื่องการจัดการ Database, Solution การอัพเดทข้อมูล, การจัดการรูปภาพ ฯลฯ อย่างมหาศาล

ผมขออนุญาตเขียนบล็อกไว้เพื่อรวบรวมไอเดียการทำเว็บไซต์ด้วย WordPress ครับ

MindSet ของผู้ทำงานด้วย CMS WordPress และลูกค้าที่มีความรู้เรื่อง CMS ตัวนี้

จุดที่สำคัญก็คือ CMS อันโด่งดังทั้งสามตัวอันได้แก่ Drupal Joomla! WordPress นั้น มีรากฐานแนวคิดที่ต่างกัน กล่าวง่ายๆคือ Drupal นั้นเน้นมุมมองของนักพัฒนาที่เห็นภาพรวมของระบบ ต้องการออกแบบระบบ (จึงทำให้ตลาดซื้อขายธีมและปลั๊กอินต่างๆ ไม่ใหญ่นัก เพราะส่วนใหญ่จะพัฒนาเอง) และ Joomla เน้นผู้ดูแลเว็บที่ต้องการความสะดวก (ทำให้มีตลาดซื้อขายส่วนขยายต่างๆ จำนวนมาก) ส่วน WordPress นั้นเน้นคนสร้างเนื้อหา (ทำให้ธีมและปลั๊กอินส่วนใหญ่จะเป็นของฟรี หรือราคาถูก มักไม่สร้างระบบที่ซับซ้อน เน้นที่ความสวยงามและใช้ง่ายมากกว่า ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือ แนวความคิดของผู้ที่จะทำเว็บ WordPress ควรมีแนวโน้มไปในทางผู้จัดทำ Content และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เรียบง่ายและสะดวกสบาย

และแน่นอนว่าในยุคปัจจุบัน ” Content is the King ” อยู่แล้วครับ

ดังนั้นสำหรับผมเอง การทำเว็บเป็นแนว White Hat SEO อยู่แล้ว จึงเหมาะสมมากต่อการทำเว็บด้วยการอัพคอนเท้นท์ที่มีประโยชน์จำนวนมาก และผู้ทำเว็บสามารถเสนอ Content Solution ได้ต่อครับ เช่นวิเคราะห์ Key word และรับเขียนคอนเท้นท์ที่มีประโยชน์

วิธีการขายงานลูกค้าให้ชอบใน CMS

ดังนั้นการขายงานควรที่จะไปในแนวทางที่ลูกค้า หรือ User สามารถที่จะบริหาร Content ได้ด้วยตัวเอง

  1. WordPress มีหลังบ้านที่ได้รับการยอมรับว่า ” ใช้ง่ายที่สุด ” และเป็น CMS ที่ีมีคนใช้มากที่สุดในโลกเป็นตัวยืนยันได้ดีครับ
  2. นอกจากนั้นยังสามารถบอกลูกค้าได้ด้วยว่า เนื่องจากเป็น CMS ระดับโลก ดังนั้นแนวคิดการผูกติดอยู่กับโปรแกรมเมอร์รายเดียวจึงหมดไป อนาคตลูกค้าสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงผู้พัฒนาเว็บได้ ซึ่งการอธิบายในแบบดังกล่าวจะสามารถช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
  3. WordPress มีการอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ หมดห่วงเรื่องเว็บไซต์โดนโจมตี
  4. WordPress มีข้อดีในเรื่อง SEO สำหรับคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญในการ Optimize SEO ตัวอย่างเช่นการเขียนคอนเท้นต์เสร็จ 1 โพส ถ้าไม่ได้ใส่ Key word ไว้ WordPress จะทำการ Grab Heading , H1 ให้โดยอัตโนมัติให้เอง และยังสามารถสร้าง Beautiful URL ให้อัตโนมัติได้ด้วย ในเรื่องนี้ถือเป็นจุดแข็งของการที่ USER ทั่วไปจะอัพเดทเว็บไซต์ตัวเอง
  5. WordPress มีการวิเคราะห์สถิติที่ดูง่ายต่อการวิเคราะห์ลูกค้า ลูกค้าเองสามารถดูเองได้หรือทางบริษัทที่รับทำเว็บสามารถทำรายงานส่งผู้บริหารทุกเดือนได้ง่ายดาย
  6. ในกรณีที่ลูกค้านึกสนุกในอนาคต สามารถที่จะลงปลั๊กอินเจ๋งๆได้มากมายที่จะทำให้เว็บไซต์มีสีสันมากขึ้น
  7. การบริหารการเรียนรู้ของ WordPress ทำได้ดี ในกรณีที่ลูกค้าใช้ครั้งแรก เราสามารถกำหนดให้ USER เห็นเฉพาะสิ่งที่ควรเห็น และเมื่อ USER ชำนาญ ค่อยเปิดนู่เปิดนี่ให้เล่นมากขึ้นเรื่อยๆ อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคปัจจุบันในการ implyment ระบบให้เกิดได้
  8. ในยุคของ Social Media การกดปุ่มยิงคอนเท้นท์ที่น่าสนใจออกไปโดยผู้ที่สนใจเว็บไซต์ก็มีความสำคัญเป็นอันมากเช่นเดียวกัน แน่นอนว่า WordPress ( และ CMS ตัวอื่น ) ก็มีความสะดวกสบายในการ implyment สิ่งเหล่านี้อย่างง่ายดาย สามารถครอบคลุมขยับขยายในอนาคตได้

ข้อดีของ CMS โดยทั่วไป

1. เป็นการลงโปรแกรมที่ Server และสามารถอัพเดทเว็บไซต์ได้จากทุกที่ผ่านทาง internet
2. มีการเก็บ Revision ตลอดเวลา เมื่อเว็บพังสามารถ restore ของเก่าได้อย่างดี
3. ระบบทันสมัยขึ้นตลอดเวลา สามารถเปรียบเทียบกับ Windows ที่มี Patch ออกมาให้ลูกค้าเข้าใจได้ ( ลูกค้าบางคนจะมีคำถามว่า ผมเพิ่งทำเว็บไป ทำไมต้องเปลี่ยนอีกแล้ว แบบนี้ปีหน้าผมต้องรื้อทำใหม่อีกหรือเปล่า ? )
4. Security ดีขึ้นตลอดเวลา เนื่องจากระบบมีคนใช้ทั่วโลก จึงค้นพบปัญหาได้เยอะกว่า มีคนแฮ็คอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีการแก้ไขและพัฒนาอยู่ตลอดเวลาด้วย

Business Quotation

ผมเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับ Quotation ไว้บ้างแล้วเช่น การคิดราคาเว็บ : ว่าด้วยความหมายใน Quotation
โดยปกติใบเสนอราคาของแต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน โดยมากโปรเจ็คขนาดเล็กของผมจะเสนอราคาแบบเป็น Task เช่น

1. Creative and Super Vision
2. Data and Art preparation
3.Open source System Integration
4. HTML coding
5.Hosting
6.Picture management
7.website maintenance
8. Copywriter
9.SEO consulting and implementing
10. Data input

การตบ Requirement ลูกค้าให้เข้าสู่ WordPress เพื่อแลกกับราคาที่ถูกกว่า

เมื่อไม่นานมานี้ทางไทเกอร์ไอเดียเองได้มีการทำงานกับลูกค้าเจ้าหนึ่ง ซึ่งในการ Develop ครั้งแรกตีราคาไว้ที่ 3xx,xxx บาท แต่ติดที่ลุกค้าเองต้องการให้หลังบ้านนั้นมีดีไซน์ในการออกแบบด้วย ( ซึ่งทางเค้าอ้างว่ามีประโยชน์ต่อการที่ User จะเข้ามาโพสและได้ Branding ) จึงยกเลิกใช้ WordPress และปรากฎว่าหลายอย่างทีลูกค้าต้องการ กลับต้องใช้พลังมากและทำอย่างไรก็ไม่สามารถสู้ WordPress ได้ครับ เช่นระบบ Pool รูปซึ่ง WordPress มีการคิดมาเป็นอย่างดี

– การ convince ให้ใช้ Server เช่าข้างนอก เช่นการอธิบายเรื่องผู้ให้บริการมี Economic of scale มากกว่า ทำให้ทำระบบได้ดีและปลอดภัยกว่าในองค์กร

– การ Convince เรื่อง Flow การทำงานโดยให้เน้นความง่ายของคนทำงานไว้เป็นอันดับแรก

Scope ที่สามารถทำเว็บได้

จุดดีที่สุดคือ USER มา Contribute Content แก้ไขข้อมูลและเพิ่มหน้าบ่อยๆ

  • เว็บองค์กรทุกชนิด ที่เป็นเว็บ informative
  • เว็บโรงงาน
  • เว็บผลิตภัณฑ์
  • เว็บบริษัทที่ปรึกษา
  • เว็บราชการ
  • เว็บร้านขายของ

เว็บองค์กรเป็นเว็บที่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจทำเว็บในไทย โดยจุดขายคือการแจ้งข่าวสารกิจกรรมที่เหมาะสม

เว็บ E-Commerce ที่เจ้าของเป็นคนขายสินค้าเอง หรือคนที่ขายทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าของ สามารถเช็คของและเช็คยอดสั่งซื้อได้

ข้อควรระวัง

  • Server Spec Windows หรือ Server ลงเองที่ไม่เคยทำ Commercial มาก่อนหน้านี้เลย
  • ถ้าต้องการวาง Server องค์กร มักไม่ดีตรงการอัพเดท โดยเฉพาะด้าน Banking เนื่องจากมีความซีเรียสเรื่อง Authority และ Security หลายชั้นมาก
  • เว็บที่เป็น Community แบบต้องการให้ USER เข้ามาแล้วอยู่หน้าบ้าน เว็บที่มีหลาย USER และต้องการอยู่หน้าบ้านจะทำได้ยาก (แต่มีปลั๊กอินรองรับแล้วบางตัวเช่น เว็บสมัครงานใช้ปลั๊กอิน Jobboard)